น้ำตาลทราย
น้ำตาลทราย หรือ sugar คือ น้ำตาลเชิงคู่ ที่ประกอบด้วย โมเลกุลของ 1 โมเลกุลของ Glucose และอีก 1 โมเลกุลของ Fructose
เมื่อนำน้ำตาลเข้าปาก เราจะรู้สึกว่าหวาน และความหวานนั่นเองคือ ส่วนของ Fructose (ฟลุคโตส) และส่วนของ Glucose จะไม่ให้ความรู้สึกว่าหวาน ในส่วนของถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 80% ทุกเซลล์ในร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันทีโดยการกระตุ้น อินสุลิน แต่อีก 20% จะถูกส่งไปทำลายที่ตับและเปลี่ยนเป็น Triglyceride (ไขมัน) และเป็นสารตั้งต้นเปลี่ยนเป็นกรดยูริก ทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรดและเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคเก๊าส์
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการกินแอลกอฮอร์ แอลกอฮอร์ 100 % ที่เรากินเข้าไปจะถูกแยกออกเป็น 2 ส่วนเช่นกัน คือ 80% จะส่งไปทำลายที่ตับ อีก 20% ร่างกายสามารถเผาผลาญได้ที่สมอง และไต (จะทำให้เกิดอาการสมองคือเมา และปัจสาวะทิ้งไป) แต่แอลกอฮอร์จำนวน 80% จะทำให้ตับทำงานหนักจนเกิดการอักเสบเกิดเป็นโรคตับอักเสบ และโรคไขมันพอกตับ และอีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ตับผลิดกรดยูริกมากเกินไปซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าส์อีกด้วย
และอีกส่วนหนึ่งของน้ำตาลทรายที่เหลือ คือ อีก 1 โมเลกุลของ Fructose ที่ทำให้เกิดความรู้สึกหวาน 100% ที่รับรับประทานเข้าไป เซลล์เราทุกเซลล์ไม่สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ จำเป็นต้องส่งไปทำลายที่ตับ ที่ตับก็จะเปลี่ยน Fructose ให้เป็น Triglyceride (ไขมัน) นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ตับทำงานหนัก หากเรายังยังคงบริโภคความหวานจากฟลุ๊กโตสไปนานนานๆ ก็จะทำให้เกิดภาวะอักเสบ มีภาวะ Triglyceride (ไขมัน) ในกระแสเลือดสูง อีกทั้งยังทำให้ร่างกายมีภาวะ ดื้ออินสุลินตามมา และร่างกายคนๆนั้นก็จะเจ็บป่วยเป็นโรค NCDs ซึ่งมีกว่า 70 โรคตามมา เช่น เบาหวาน ความดัน ไต ตับอักเสบ โรคอาการทางสมอง โรคเกี่ยวกับตา ฯลฯ เป็นต้น
ท่านสามารถรับชมคลิปวีดีโอ
ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ธนศักดิ์ ยิ้มเกิด
ความคิดเห็น